คณะกรรมการ (กมธ.) การสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้จัดงานเสวนาเรื่อง “รอบปีกับภาคี:กรรมาธิการทำอะไรให้กับประชาชน” ที่มีนายตวง อันทะไชย สว.สรรหา เป็นประธานในพิธี โดยกล่าวว่า จากการทำงานของกมธ.ที่ผ่านมา พบประเด็นที่น่ากังวลและต้องการให้ภาครัฐหามาตรการป้องกันนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้วสร้างความเดือนร้อนและเสียหายกับ ประชาชน
ทั้งนี้ จากกรณีที่สถานออกกำลังกายแคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส ของบริษัทแคลิฟอร์เนีย ว้าว เอ็กซ์พีเรียนท์ จำกัด (มหาชน) ปิดกิจการโดยไม่แจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า ทำให้สมาชิก จำนวน 639 คน เดือดร้อนและเสียหาย คิดเป็นมูลค่า กว่า 30 ล้านบาท ซึ่งมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคได้ยื่นให้กมธ.ได้ตรวจสอบ และจากการตรวจสอบผ่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟองเงิน (ปปง.) พบการโอนเงินไปต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2545- 2555 มากถึงจำนวน 1,699 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ทางบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีกลับไม่พบความผิดปกติดังกล่าว และทราบว่าบริษัทดังกล่าวมแนวโน้มการขาดทุน แต่ไม่สามารถแสดงความเห็นไปยังประชาชนเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ได้ ดังนั้น กมธ.เห็นว่าประเด็นนี้ ถือเป็นพฤติกรรมที่น่ากังวลอย่างยิ่ง หากรัฐบาลไม่มีมาตรการป้องกัน ในปี 2558 ที่ไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นักลงทุนอาเซียนสามารถดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้ อาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยสถานบริการออกกำลังกายแคลิฟอร์เนีย ฟิตเนสได้ และสร้างความเสียหายให้กับประเทศ
ขณะที่ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของนายสมชาย นีละไพจิตร กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “บทบาทสตรีกับการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพมนุษยชน” โดยขอชื่นชมการทำงานของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่การกระทำดังกล่าว ขาดการแสวงหาความจริงและให้ความยุติธรรมจะทำให้ขาดการพัฒนา
“การสร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่น การนำงบประมาณลงไปในพื้นที่ ที่ถึงมือแค่ผู้นำท้องถิ่น มองว่าเป็นกระบวนการซื้อใจผู้นำท้องถิ่นให้มาเป็นพวกมากกว่าพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ ทั้งที่กระบวนการแสวงหาความจริงและการดำรงความยุติธรรม ถือเป็นความสำคัญต่อกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งเป็นการอยู่ร่วมกัน อย่างสันติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”นางอังคณา กล่าว
แหล่งข่าวจาก posttoday…