นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็ง ยืนยันอาหารทะเลส่งออกไทยปลอดภัย น้ำมันรั่วที่ระยองไม่กระทบแหล่งผลิตใหญ่ของประเทศ

จากกรณีท่อน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคิล จำกัด (มหาชน) แตกกลางทะเลห่างจากฝั่งท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุต อ.เมือง จ.ระยอง ประมาณ 20 กิโลเมตร ทำให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลประมาณ 50,000 ลิตร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยล่าสุดผู้นำเข้าบางประเทศแสดงความกังวลว่าสารเคมีตกค้างอาจส่งผลกระทบต่อ ระบบนิเวศน์วิทยาทางน้ำ และ การปนเปื้อนของสารเคมีในสัตว์น้ำ รวมถึงอาจกระทบต่อความไม่มั่นใจของผู้บริโภค และผู้นำเข้าจากต่างประเทศต่างๆ

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย  เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและแปรรูปสินค้า อาหารทะเลเพื่อการส่งออกแน่นอน เพราะสัตว์น้ำที่จับจากทะเลเพื่อเป็นวัตถุดิบป้อนให้กับการผลิตเพื่อส่งออก ส่วนใหญ่มีแหล่งที่มาร้อยละ 80 จากภาคใต้ของประเทศไทยทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ส่วนสัตว์น้ำที่จับจากภาคตะวันออกมีสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 20  และในจำนวนนี้มีเพียงร้อยละ 2-3 เท่านั้น ที่เป็นสัตว์น้ำที่จับจากทะเลบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำมันรั่ว ซึ่งถือว่าน้อยมาก

“ที่สำคัญสินค้าหลักที่ส่งออกไปส่วนใหญ่คือกุ้งแปรรูปแช่แข็ง ซึ่งทั้งหมดได้มาจากการเพาะเลี้ยง  ที่มีระบบควบคุมคุณภาพและมาตรฐานตลอดสายการผลิต เริ่มตั้งแต่การเพาะเลี้ยงที่มีมาตรฐานการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่ดี (GAP)  มาตรฐาน โค้ด ออฟ คอนดัค (CoC) ของกรมประมง เมื่อวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการแปรรูปก็จะมีระบบควบคุมคุณภาพ ที่ประกอบไปด้วยหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (GMP) ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (CODEX) ระบบการวิเคราะห์อันตรายและควบคุมจุดวิกฤติ (HACCP) รวมถึงมาตรฐานต่างๆ ที่ประเทศผู้นำเข้าเป็นผู้กำหนด ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ส่งออกไปมีคุณภาพ และความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety) ในระดับสูง อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้อีกด้วย”นายพจน์ กล่าว

นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่สำรวจระบบนิเวศวิทยาทางทะเลและสัตว์น้ำในบริเวณที่เกิดเหตุ ร่วมกันระหว่างกรมประมงและภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีการจัดเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำนำไปวิเคราะห์ได้ข้อสรุปว่า คราบน้ำมันดังกล่าวไม่ได้มีการปนเปื้อนในสัตว์น้ำ สอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงสาธารณาสุขที่มีการสุ่มตัวอย่างหาสารปนเปื้อนใน อาหารทะเลจากตลาดเพและตลาดตำบลแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งพบว่าอาหารทะเลบริเวณดังกล่าวมีความปลอดภัยสามารถบริโภคได้ตามปกติ

อย่างไรก็ดี สมาคมฯ จะยังคงติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมเฝ้าระวังปัญหาต่างๆ ที่อาจกลายเป็นประเด็นนำไปสู่การกีดกันทางการค้าในอนาคต  แต่เชื่อว่าผู้บริโภค/คู่ค้าต่างประเทศเข้าใจสถานการณ์ และยังคงเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าอาหารทะเลไทย

 

แหล่งข่าวจาก posttoday…

การรณรงค์ให้ใช้เตาแก๊สประหยัดพลังงานในการประกอบอาชีพ

เตาแก๊สประหยัดพลังงานถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คนไทยคิดค้นขึ้น และสามารถประหยัดแก๊สได้กว่า 50% ซึ่งมากกว่าเตาแก๊สประหยัดพลังงานที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดในขณะนี้ ทำให้กว่าจะได้เต้าแก๊สประหยัดพลังงานขึ้นมานั้นต้องใช้เวลาในการลองผิดลองถูกยาวนาน โดยการนำเตาแก๊สประหยัดหลังงานที่มีจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดมาต่อยอด พร้อมทั้งศึกษาข้อด้อยที่จากเดิมจะประหยัดแก๊สได้ 27.5% ให้เพิ่มเป็น 56% ซึ่งถือว่าสามารถประหยัดแก๊สได้จริง โดยที่ใช้แก๊สหุงต้มน้อยลงแต่ได้ไฟแรงขึ้น โดยการอาศัยหลักกลศาสตร์ในการออกแบบ คือ เราจะออกแบบท่อที่ใช้ส่งแก๊สให้เหมือนกลไกของเครื่องบิน ด้วยการใช้แรงลมดันแก๊สขึ้นมา ส่วนรูที่ที่ให้แก๊สออกมานั้นจะเจาะรูให้มีองศาที่แตกต่างจากรูแก๊สทั่วไป เพื่อให้แก๊สมีความแรง ซึ่งขนาดของรูแก๊ส 1 รูจะเตากับเปลวไฟถึง 2 หัว ทำให้แก๊สมีความแรง

ขณะนี้เตาแก๊สได้ผ่านการทดลองและพิสูจน์คุณสมบัติต่างๆจากวิศวกรชั้นนำแล้ว พร้อมทั้งส่งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ทดลองพิสูจน์ความประหยัด เพื่อสร้างความมั่นในให้กับลูกค้าที่ซื้อเตาแก๊สไปใช้ว่าสามารถประหยัดพลังงานได้จริง ในระยะแรกเตาแก๊สที่ใช้ในภาคธุรกิจที่ใช้แก๊สเป็นจำนวนมาก เพื่อลดต้นทุนในการผลิต ต่อมาจะมุ่งที่พ่อค้าแม่ค้าที่ใช้แก๊สในการประกอบอาชีพในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก เช่น ร้านขายก๋วยเตี๋ยว และร้านอาหาร ส่วนการรณรงค์ให้ใช้เตาแก๊สประหยัดพลังงานในครัวเรือนนั้น ถือว่ายังไม่จำเป็นเนื่องจากปริมาณการใช้แก๊สตามบ้านยังน้อยอยู่ และยังไม่ต้องใช้ความร้อนมาก

นอกจากความแรงของเปลวไฟ และการประหยัดแก๊สแล้ว จุดเด่นของเตาแก๊สอีกอย่างหนึ่งคือ การใช้วัสดุคุณภาพดีใช้ในการผลิต ซึ่งวัสดุทุกชิ้นจะเคลือบด้วยโครเมียม จึงไม่เกิดสนิม และไม่มีควันพิษ เมื่อเตาแก๊สเสื่อมสภาพพร้อมรับประกันความประหยัดตลอดอายุการใช้งาน รวมถึงเตาแก๊สส่วนประกอบทุกชิ้นยังได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และภายภาคหน้าจะมีคนหันมาใช้เตาแก๊สกันมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ก็พยายามให้คนไทยหันมาใช้เตาประหยัดพลังงานกันมากขึ้น และสามารถประหยัดเงินได้จริงจากค่าแก๊สที่ลดลง ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างมาก