หาช่องทางส่วนลดการขายที่เหมาะสม

โดยทั่วไปสินค้าที่ไม่ได้สำคัญอะไรมาก เมื่อขายไปแล้วก็มักจะแล้วกันไป เพราะถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ว่าผู้ขายได้ขาย-ผู้ซื้อได้ซื้อ แต่ความเป็นจริงความคิดนี้ผิดเพราะการขายที่ดี แม้จะซื้อขายกันเรียบร้อยแล้วก็ควรให้ความดูแลและให้คำปรึกษากันต่อไปได้ เพื่อให้เกิดความประทับใจสูงสุด สำหรับเทคนิคส่วนลดการขายหลังการซื้อขาย คือ บริการหลังการขาย หลายคนจะนึกถึงไปสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ แต่บริการหลังการขายสามารถไปประยุกต์ใช้ได้กับสินค้าบางประเภท นอกจากนี้นโยบายการเปลี่ยนสินค้าต่างๆก็เป็นส่วนหนึ่งของการบริการหลังการขาย ในกรณีที่สินค้าชำรุดหรือไม่ได้มาตรฐาน เพื่อแสดงความรับผิดชอบในตัวสินค้าให้ผู้ซื้อได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แต่ยังไงก็ตามควรตั้งกฎกติกาและรายละเอียดขึ้นมาให้ชัดเจนด้วย ป้องกันการแอบอ้างที่จะส่งผลเสียต่อร้านของตัวเอง

การขายของกับการต่อราคาสินค้าเป็นสิ่งคู่กันยิ่งกว่าปาท่องโก๋ โดยเฉพาะแม่บ้านและผู้หญิงเกือบทุกคนจะมีทักษะการต่อรองขั้นสูง หลายครั้งที่แม่ค้าต้องปวดหัวกับการต่อรองที่ไม่ได้เกรงใจต้นทุนของแม่ค้า ทำให้ปวดหัวไปตามๆกัน ไม่ลดก็หาว่าหยิ่ง แต่ถ้าลดก็ขาดทุน ดังนั้นหนึ่งในเทคนิคการขายที่ควรมีอีกข้อ คือการรับมือการต่อรองของลูกค้า เมื่อลูกค้าเข้ามาดูส่วนลดสินค้ามักจะเปิดคำถามแรกว่าลดหน่อยได้มั้ยหากไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ให้รีบบอกส่วนลดเลยเพื่อไม่ให้ต่ออีก  เพื่อเป็นการปกป้องตัวเองจากการต่อครั้งที่สอง และลูกค้าก็ได้คำตอบตามที่ต้องการ

แต่ในรายที่ตื้อมากๆก็ต้องชี้แจงให้เห็นถึงต้นทุน-กำไร และถ้าเห็นว่าราคานี้ไม่เวิร์กสำหรับเราจริงๆ ก็ให้ยืนยันในราคาเดิม และรอขายคนอื่นจะดีกว่า เทคนิคการขายข้อนี้อาจจะเหมาะสำหรับการขายที่มีหน้าร้านของจริงให้ลูกค้าเข้ามาดูส่วนลดสินค้าได้ จิตวิทยาการซื้อของผู้ซื้อส่วนใหญ่จะตัดสินใจซื้อ/ไม่ซื้อ ต่อเมื่อได้เห็นสินค้าของจริง มีการหยิบ จับ สัมผัส หรือชิม(สินค้าประเภทของกิน) เพื่อให้ทราบว่าตรงกับสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือไม่ ดังนั้นหากเราเป็นผู้ขาย เทคนิคนี้จึงสำคัญมากๆ ผู้ขายที่ขายอาหารก็อย่าตระหนี่ขี้เหนียว ให้เขาได้ลองชิมสินค้าของเราให้รู้กันไปเลยว่าอร่อยหรือไม่ ของแบบนี้จินตนาการเองไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างถ้าซื้อไปแล้วไม่อร่อย จะสร้างชื่อเสียให้กับร้านเราได้