นูสกินไทยสยายปีกอาเซียนรุกปักธง”เวียดนาม”

ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มโปรดักส์ หรือ Billion Dollar Brand จะสร้างรายได้ให้กับนู สกินทั่วโลกระดับ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 150,000 ล้านบาท ภายในปี 2020

การที่จะบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น การขยายตลาดใหม่เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญ ซึ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นตลาดสำคัญในการขับเคลื่อนยอดขาย โดยเฉพาะเมื่อก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนตลาดคิดเป็น 1 ใน 4 ของทั่วโลก

ส่วนในไทยการทำตลาดนู สกิน ไม่เพียงดูแลในประเทศเท่านั้น แต่ยังสยายปีกครอบคลุมเพื่อนบ้าน คือ เวียดนาม และในอนาคตมีแผนขยายเข้าไปยังพม่า ลาว และกัมพูชา

ภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส ประเทศไทย และเวียดนาม บอกว่าการเวียดนามมีประชากร 90 ล้านคน มากเป็นอันดับ 13 ของโลก มีมูลค่าตลาดขายตรงปี 2555 อยู่ที่ 8,500 ล้านบาท เติบโต 12% จากปี 2554 สูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเออีซี และเป็นการเติบโตสูงสุดติด 1 ใน 10 ของอุตสาหกรรมขายตรงโลก ขณะที่ภาพรวมธุรกิจขายตรงในกลุ่มเออีซี มีมูลค่าตลาด 3.1 แสนล้านบาท

ตลาดขายตรงในเวียดนาม เป็นตลาดที่เติบโตสูงในทุกด้าน เนื่องจากจาก 57% ของประชากรเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง มองหาโอกาสทางการทำงานใหม่เสมออยู่เสมอ ซึ่งทำให้ปีแรกนู สกิน สามารถทำรายได้ 450 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 125% และมีผู้แทนจำหน่าย 3 หมื่นบัญชีรายชื่อ ที่สำคัญเวลาแค่ 1 ปี มีนักธุรกิจระดับบลูไดมอนด์ถึง 5-6 คน ในขณะที่ตลาดไทยต้องใช้เวลา 3-5 ปี

“เวียดนามจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนทำให้ยอดขายในอาเซียน บรรลุเป้า 1.5 หมื่นล้านบาทเร็วขึ้น คือภายในปี 2557 จากเป้าเดิมวางไว้ในปี 2558”

สำหรับกลยุทธ์ในการรุกตลาดเวียดนาม จะใช้โมเดลเดียวกับไทย คือ ความแตกต่าง และคุณภาพสินค้านูสกินที่พิสูจน์ได้จริง แต่ในช่วงเปิดตลาดใหม่ จะมีสินค้าที่เน้นการทำตลาดคือ เอจล็อค ซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยด้านประชากรของคนในประเทศ และด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่คาดว่าการณ์ ตัวเลขของประชากรวัย 40 ปีขึ้นไป จะเพิ่มเป็นตามแนวโน้มเดียวกันกับทั่วโลกทั้งนี้สินค้าที่จะนำเข้าไปทำตลาดในปีแรกจะมี 40 รายการ เป็นเสริมอาหาร 30% และสกินแคร์ 70%

“ความท้าทายของเราที่นี่นอกจากเรื่องรายได้ และพฤติกรรมผู้บริโภคยอมรับในอินเตอร์แบรนด์ ถ้านู สกินเป็นรายแรกที่สามารถเข้าไปเจาะใจผู้บริโภคได้ เขาก็จะเกิดแบรนด์ โลยัลตี้ หรือความภักดีกับแบรนด์ได้ง่าย และจะกลายเป็นลูกค้าของเราระยะยาว”

แน่นอนว่าการเข้าไป เพื่อสร้างการยอมรับในสินค้านูสกิน จะต้องใช้แรงผลักดันอย่างมากในทุกๆ ด้านทั้งกิจกรรม โปรโมชั่นที่เต็มรูปแบบ รวมถึงการขยายฐานผู้แทนจำหน่ายเพิ่ม และเปิดสาขาให้ครอบคลุมเมืองหลัก ในปีหน้ามีแผนเปิดสาขาใหม่ที่เมืองดานัง จากปัจจุบันมี 2 สาขา ที่โอจิมินท์ และฮานอย

แต่สิ่งสำคัญที่นู สกิน ต้องมองเพื่อให้การรุกตลาดในเวียดนามประสบความสำเร็จก็คือ ต้องเข้าใจผู้บริโภคให้ได้

Credit : http://www.mfa.go.th/business/th/news/84/39715-นูสกินไทยสยายปีกอาเซียนรุกปักธง”เวียดนาม”.html